หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดี, พฤษภาคม ๒๐, ๒๕๕๓

ระดับของจิตใจ

คำด่าของคนเมือง ที่ใช้ในยามทะเลาะกัน
ไอ้เหี้ย
ไอ้สัตว์
ไอ้สันดานหมา
ไอ้ควาย
แสดงให้เห็นถึงระดับจิตใจของคนพูดได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับระดับทางทางจิตวิญญาณ
ที่ทนงตนว่ามีสติปัญญาสูงกว่า


คำด่าของคนเมือง ใช้ในยามที่ดูถูกหรือถากถาง หรือเวลาเห็นเพื่อนทำอะไรไม่เข้าท่า
ไอ้ลาว
ไอ้บ้านนอก
เสี่ยว
แสดงให้เห็นถึงระดับจิตใจของคนพูดได้เป็นอย่างดี เกี่ยวกับระดับทางสังคม
ที่ทนงตนว่ามีฐานะทางสังคมดีกว่า

สาเหตุแห่งความวุ่นวาย

ชาวบ้านมองว่า : ทักษิณ กำลังจะให้ในสิ่งที่เขาต้องการ ทำให้เขาสามารถ มีฐานะทัดเทียมกับคนในเมืองได้ และดูเหมือนว่าเริ่มให้ไปแล้ว
คนเมืองมองว่า : ฉิบหายแล้ว ทักษิณกำัลังหลอกชาวบ้าน แถมเอาเงินตูไปแจกชาวบ้านอีก เราควรสอนเค้าจับปลาสิ ไม่ใช่เอาปลาไปให้เขา..


เดี๋ยวว่าจะเขียนต่อ แต่คิดไม่ออกแหะ..

วันอาทิตย์, พฤษภาคม ๑๖, ๒๕๕๓

ค่าของเิงิน

ลองนึกภาพดูนะ คนเราปัจจุบัน เรียนหนังสือจบมาแทนที่จะได้เอาความรู้ไปใช้ประโยชน์ กลับต้องมานั่งหาเงิน เด็กๆ จบใหม่ เงินเดือนหนึ่งหมื่น ทำงานแทบตาย ค่าใช้จ่ายก็กินไปหมด วันๆ ไม่เหลือเก็บ คนที่ไม่ขวนขวายก็ต้องหากินเดือนชนเดือน จบหนึ่งเดือนได้โดยไม่เป็นเพิ่มหนี้มากขึ้นก็นับว่าบุญแล้ว

ส่วนคนที่ขวนขวายหน่อยก็จะเริ่มตั้งตัวได้ มีเงินเข้ามากกว่าเงินออก ก็จะเริ่มเก็บเงินเพื่อชีวิตในอนาคตที่ไม่ต้องลำบาก เริ่มจากหลักไม่กี่พันบาท กลายเป็นหลักหมื่น ส่วนหนึ่งก็จะเริ่มคิดที่จะซื้อของมาอำนายความสะดวกส่วนตัว เช่น ทีวี LCD, โทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุด แต่เงินที่เก็บยังไม่พอ ก็จะโดนกิเลสมันหลอกไปกินอีกโดยการสร้างหนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งของที่อำนวย ความสะดวกให้แก่ชีวิต กู้ชิ้นหนึ่งเสร็จ ก็ต่อด้วยการกู้มาซื้อรุ่นที่ใหม่กว่าอีกวนเวียนไปจนกิเลสหมดกำลัง ก็เปลี่ยนเป็นของชิ้นที่ใหญ่ขึ้นๆ มีคนมากมายที่ติดอยู่ในวังวรชีวิตเพียงเท่านี้

หลังจากนั้นก็เริ่มมาถึงยุคสร้างตัว บางคนก็กัดฟันหาเงินมาดาวน์บ้าน แต่งงาน ดาวน์รถยนต์ บางคนบ้านก็ยังไม่มีอยู่ แต่ออกรถยนต์คันโก้ไว้ขับอวดสาว วันทั้งวัน ใช้ชีวิตอยู่แต่ในรถยนต์ เช้าขัด เย็นขัด ทั้งผ่อนบ้านผ่อนรถกลายเป็นภาระหนักให้ต้องทำงานเช้ายันดึกเพื่อหาเงินมาให้ พอกับค่างวด และค่าใช้จ่าย จึงไม่มีเงินเหลือเก็บ ส่วนคนที่รายได้ดีหน่อยก็อาจจะมีเงินเหลือเก็บบ้าง

พอผ่านเลยวัยช่วงสร้างตัวมาได้อย่างเลือดตาแบบกระเด็น ซึ่งบางคนก็ใช้เวลาไม่กี่ปี บางคนก็เลยครึ่งชีวิตไปแล้ว บางคนก็ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาจากกองหนี้ได้เลยจนตลอดชีวิต ส่วนบางคนก็เริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง เริ่มมีเงินเหลือเก็บอีกครั้ง คราวนี้จากหลักหมื่นสู่หลักแสน จากหลักแสนก็เริ่มจะเข้าสู่หลักล้าน เราก็มานั่งคิดอีกว่าจะต้องหาเงินไปถึงเท่าไหร่ หนึ่งล้านพอหรือเปล่า ใจ(กิเลส) มันบอกเปรี้ยงเลยไม่พอแน่ๆ ด้วยอัตราการใช้ชีวิตแบบนี้ หนึ่งล้านพอกินไปได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เอาให้ชัวร์ต้อง 10 ล้าน แล้วจะหยุดทำงาน จึงเริ่มหาเงินงกๆ อีกครั้งเพื่อเปลี่ยนตัวเลขจาก 1 ล้านเป็น 10 ล้าน
พอใกล้ๆ 10 ล้าน (กิเลส)ก็เริ่มคิดอีก ว้า มันจะไปพอกับค่าเงินเฟ้อได้ยังไง เงินมันค่าลดลงๆ เรื่อยๆ 10 ล้านท่าจะไม่พอกินไปจนตาย ไหนจะมีลูกอีก ต้องสะสมเผื่อลูกด้วย ลูกจะได้สบาย ก็เลยเปลี่ยนเป้าหมายใหม่จาก 10 ล้าน สู่ 100 ล้าน

พอมีเงินในหลักหลายสิบล้าน (กิเลส) มันก็ไปมองเห็นบ้านราคา 20 ล้านบาท (กิเลส)ในก็บอกกับตัวเองว่า บ้านหลังน้อยที่อยู่นี่มันเริ่มไม่สมฐานะแล้ว เราต้องไปหาบ้านหลัง 20-30ล้านอยู่ให้สมฐานะหน่อย คนจะได้ไม่มองว่าเราจน แต่เอ ไอ้เงิน 100 ล้านนี่ เอาไปซื้อบ้านเสียตั้งหลายสิบล้านแล้ว พอถึงตอนนั้น มันจะเหลือกี่ล้านยี่ ไม่ได้การต้องตั้งเป้าใหม่ จาก 100 ล้านก็กลายเป็นหลักพันล้าน

บางคนสามารถหารายได้หลักพันล้านได้ แต่บางคนนั้นทำเองไม่ได้ คราวนี้กิเลสมันก็เริ่มหลอกเอาอีกว่า อย่าโง่ไปหน่อยเลย มีมหาเศรษฐีมากมายที่เขารวยหลักพันล้าน หมื่นล้าน เขาทำได้เราก็ต้องทำได้สิ ด้วยทุกวิถีทาง แม้แต่การทุจริต จึงถูกนำมาใช้ในการเดินทางสู่เป้าหมายพันล้าน

วงจรกิเลสมันทำงานแบบวัฒนาการอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เผลอแปล๊บเดียวก็มีเงินหลายหมื่นล้านบาท แต่วงจรกิเลสมันก็ไม่ได้หยุดทำงานแต่อย่างใด มันก็จะหาเหตุให้เราต้องหาเพิ่มจากหมื่นล้านเป็นแสนล้านจนได้

ลองคิดดูเถอะว่าเราหลงวนเวียนอยู่ในวังวนภาพลวงตาที่มันคอยสร้างขึ้นมาหลอก เราเป็นฉากๆ ได้อย่างไร